ฟิล์มกรองแสงรถยนต์มีคุณสมบัติหลากหลายที่มากกว่าการกันแสงแดดหรือความร้อนจากภายนอกที่คนส่วนใหญ่รู้จัก โดยมีรายละเอียดเจาะลึกในแง่ต่าง ๆ ดังนี้:
- ฟิล์มกรองแสงช่วยลดอุณหภูมิในรถ
ฟิล์มกรองแสงสามารถช่วยลดอุณหภูมิภายในรถได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากฟิล์มบางชนิดสามารถบล็อกความร้อนจากแสงแดดได้ถึง 60-70% ซึ่งทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง และลดการใช้พลังงานในรถ นอกจากนี้ยังทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกสบายขึ้นในวันที่อากาศร้อน - ความสามารถในการกรอง UV
ฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูงสามารถกรองรังสี UV ได้มากถึง 99% ซึ่งช่วยปกป้องผิวหนังจากการโดนแดดในระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่ขับขี่ในระยะเวลานาน หรือคนที่อยู่ในรถบ่อย ๆ การป้องกันรังสี UV เป็นการลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนังและริ้วรอยก่อนวัย - ฟิล์มช่วยป้องกันกระจกจากการแตก
ฟิล์มกรองแสงมีคุณสมบัติในการยึดกระจกให้ไม่แตกกระจายออกมาเป็นชิ้นเล็ก ๆ เมื่อกระจกถูกกระแทก ฟิล์มนี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช่น การชนหรือกระแทกที่อาจทำให้กระจกแตก ฟิล์มจะช่วยยึดกระจกและลดความเสี่ยงที่จะทำให้ผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บจากเศษกระจกที่กระเด็นออกไป - การปรับความเข้มของฟิล์มตามความต้องการ
ฟิล์มกรองแสงมักมีหลายประเภทที่ให้ความทึบแตกต่างกัน ซึ่งสามารถเลือกติดตามความต้องการส่วนตัวได้ เช่น การเลือกฟิล์มที่มีความทึบมากเพื่อป้องกันแสงแดดหรือเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวจากการมองเห็นจากภายนอก นอกจากนี้ยังสามารถเลือกฟิล์มที่ลดการสะท้อนจากแสงหน้าต่างได้ ซึ่งช่วยลดแสงจ้าและปรับปรุงทัศนวิสัยในการขับขี่ - ฟิล์มกรองแสงที่ช่วยลดแสงสะท้อน
ฟิล์มบางประเภทมีเทคโนโลยีที่ช่วยลดการสะท้อนแสงจากกระจก ซึ่งจะช่วยลดแสงที่เข้าตาผู้ขับขี่ในระหว่างการขับขี่ โดยเฉพาะในช่วงที่มีแสงแดดสะท้อนหรือเมื่อขับขี่ในเวลากลางคืนที่มีแสงจากรถคันอื่นสะท้อนมาที่กระจก ฟิล์มประเภทนี้จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่และทำให้การขับขี่สะดวกสบายมากขึ้น - การเลือกฟิล์มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ฟิล์มกรองแสงบางประเภททำจากวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ และมีการผลิตที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันมีฟิล์มที่ใช้เทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตรายออกสู่สิ่งแวดล้อมในระหว่างการผลิต ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อม - การป้องกันความร้อนจากการสะท้อนของพื้นถนน
ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพจะไม่เพียงแค่ป้องกันความร้อนจากแสงแดด แต่ยังช่วยป้องกันความร้อนที่สะท้อนมาจากพื้นถนน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อุณหภูมิภายในรถสูงขึ้น โดยฟิล์มที่มีเทคโนโลยีช่วยในการลดการสะท้อนนี้จะทำให้รถเย็นลงได้มากขึ้น - ฟิล์มมีหลายประเภทสำหรับการใช้งานเฉพาะ
ฟิล์มแบบปกติ: ใช้เพื่อกรองแสงและป้องกันความร้อน
ฟิล์มสีเข้ม: ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัว ลดการมองเห็นจากภายนอก
ฟิล์มโลหะ: ใช้เทคโนโลยีโลหะที่ช่วยในการลดความร้อนและแสงสะท้อน มีประสิทธิภาพสูงในการกันร้อน
ฟิล์มเซรามิก: เป็นฟิล์มที่มีความทนทานสูง ป้องกันรังสี UV และลดการสะท้อนของแสงได้ดี อีกทั้งยังมีการยืดหยุ่นสูง - การติดฟิล์มอย่างถูกต้องมีผลต่อประสิทธิภาพ
การติดฟิล์มกรองแสงที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้ติดตั้งอย่างถูกต้องอาจทำให้ประสิทธิภาพของฟิล์มลดลง รวมถึงอาจส่งผลให้ฟิล์มหลุดลอกหรือเกิดฟองอากาศใต้ฟิล์มได้ การติดตั้งที่ถูกต้องจึงมีความสำคัญมากต่อการใช้งานฟิล์มกรองแสง
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ไม่ได้เป็นแค่การตกแต่งภายนอกหรือการป้องกันแสงแดดเท่านั้น แต่ยังเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และการปกป้องผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. เกี่ยวกับ PPF
ฟิล์มปกป้องสีรถ (Paint Protection Film หรือ PPF) มีคุณสมบัติที่น่าสนใจมากกว่าที่หลายคนรู้ ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้รับการพูดถึงหรือไม่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย นี่คือความจริงที่ยังไม่มีใครรู้หรือรู้ไม่ครบเกี่ยวกับ PPF:
- ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนจากสิ่งเล็กๆ
PPF สามารถช่วยป้องกันรอยขีดข่วนเล็กๆ จากการกระทบของสิ่งต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น หินทราย กิ่งไม้ หรือแม้แต่การเปิดประตูรถในที่จอดรถ โดยที่ฟิล์มจะยืดหยุ่นและคืนตัวให้เรียบได้หลังจากโดนขีดข่วน - สามารถซ่อมตัวเองได้
หนึ่งในคุณสมบัติที่ไม่ค่อยมีคนรู้คือ PPF สามารถซ่อมตัวเองได้ จากรอยขีดข่วนเล็กๆ ที่เกิดขึ้น ฟิล์มจะคืนตัวและหายไปเองเมื่อสัมผัสความร้อน เช่น แสงแดดหรือการใช้เครื่องเป่าลมร้อน (Heat Gun) โดยการทำให้ฟิล์มอุ่นขึ้นจะทำให้รอยขีดข่วนเบาบางหรือหายไป - เพิ่มความเงางามให้กับสีรถ
PPF ช่วยเพิ่มความเงางามให้กับสีรถ โดยไม่ต้องเคลือบสีรถเพิ่มเติม การติดฟิล์มจะทำให้สีรถดูสดใสและเงางามขึ้นเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังช่วยให้สีรถไม่ซีดจางจากการสัมผัสกับแสงแดดและรังสี UV - การติดฟิล์ม PPF สามารถทำได้ในพื้นที่ที่ละเอียดอ่อน
ฟิล์มปกป้องสีไม่ได้จำกัดแค่การติดตั้งบนพื้นผิวที่เรียบเท่านั้น แต่สามารถติดตั้งในส่วนที่มีรูปทรงซับซ้อนได้ เช่น กันชนหน้า, ฝากระโปรง, และบริเวณที่โค้งงอหรือยากต่อการติดตั้ง เพื่อปกป้องสีในจุดที่เสี่ยงต่อการถูกขีดข่วนและปนเปื้อน - PPF ช่วยป้องกันคราบน้ำและคราบมูลนก
ฟิล์มปกป้องสีช่วยให้คราบน้ำหรือคราบมูลนกไม่เกาะติดบนสีรถได้ง่าย เนื่องจากฟิล์มมีพื้นผิวที่เคลือบด้วยสารที่ช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกาะติด ซึ่งจะทำให้สีรถดูสะอาดและง่ายต่อการทำความสะอาด - ลดการทำงานหนักในการดูแลรถ
ฟิล์ม PPF ช่วยลดความจำเป็นในการดูแลรักษารถยนต์อย่างหนักหน่วง เพราะไม่จำเป็นต้องขัดหรือเคลือบสีบ่อยๆ และทำให้การล้างรถง่ายขึ้น เนื่องจากฟิล์มปกป้องสีจากคราบสิ่งสกปรกต่างๆ - สามารถติดฟิล์มในพื้นที่เฉพาะ (Partial PPF)
แม้ว่าหลายคนจะคิดว่า PPF ต้องติดตั้งบนทั้งคัน แต่จริง ๆ แล้วสามารถเลือกติดฟิล์มในส่วนที่มีความเสี่ยงสูงได้ เช่น ด้านหน้าของรถ, ฝากระโปรง, หรือกันชน ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และยังได้ผลลัพธ์ที่ดีในการปกป้องสี - ปกป้องจากสารเคมีต่างๆ
PPF ยังมีความสามารถในการปกป้องสีจากสารเคมีที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานรถในชีวิตประจำวัน เช่น สารเคมีจากการล้างรถ น้ำยาทำความสะอาด และยางมะตอยที่อาจทำให้สีรถเสียหายหากสัมผัสโดยตรง ฟิล์มสามารถป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านี้ทำร้ายสีของรถ - การติดฟิล์ม PPF บนสีที่ใหม่หรือที่เคยเคลือบมาแล้ว
การติดตั้ง PPF บนรถใหม่จะมีประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากไม่มีรอยขีดข่วนหรือปัญหาจากการดูแลรักษาก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม หากติดตั้ง PPF บนรถที่มีการเคลือบสีมาก่อน ฟิล์มจะต้องติดตั้งอย่างถูกต้องเพราะการติดฟิล์มในพื้นที่ที่เคยเคลือบมามีความท้าทายในการยึดติดที่ดี - ไม่สามารถเห็นฟิล์มได้จากระยะไกล
ฟิล์ม PPF ถูกออกแบบมาให้บางและใสจนแทบจะมองไม่เห็นจากระยะไกล หรือจากมุมมองปกติ จึงไม่ทำให้สีรถดูแตกต่างจากเดิม แม้จะติดฟิล์มแล้ว สีรถยังคงเด่นและดูสวยงามเหมือนเดิม - ช่วยเพิ่มมูลค่ารถเมื่อขายต่อ
การติดตั้ง PPF ช่วยรักษาสภาพสีของรถให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ ซึ่งเป็นข้อดีเมื่อขายรถในอนาคต ผู้ซื้ออาจมองว่าเป็นรถที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ทำให้สามารถขายได้ในราคาที่สูงขึ้น
ฟิล์มปกป้องสี (PPF) เป็นการลงทุนที่มีประโยชน์มากในระยะยาว โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความสวยงามของสีรถให้คงอยู่และป้องกันความเสียหายจากสภาพแวดล้อมต่างๆ ทั้งการขีดข่วนและคราบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น