ฟิล์มกรองแสงที่ดีจริงๆที่เหมาะสมกับประเทศไทย ดูอย่างไร

ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณสมบัติกันร้อนที่ดีและเหมาะสมกับการใช้งานในประเทศไทย ควรมีลักษณะและคุณสมบัติที่สามารถตอบโจทย์สภาพอากาศร้อนชื้นและแสงแดดจัดในประเทศ โดยฟิล์มต้องช่วยป้องกันความร้อนจากแสงแดดและทำให้ห้องโดยสารของรถเย็นสบายขึ้น รวมทั้งช่วยป้องกันรังสี UV ซึ่งมีอันตรายต่อผิวหนังและวัสดุภายในรถยนต์

ลักษณะของฟิล์มกรองแสงที่ดีและเหมาะสมกับการใช้งานในประเทศไทย

  1. การป้องกันความร้อน (Heat Rejection) ที่สูง
    ฟิล์มที่ดีจะต้องสามารถป้องกันความร้อนจากแสงแดดได้สูง โดยป้องกัน รังสีอินฟราเรด (Infrared Radiation) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความร้อนในรถยนต์ ฟิล์มที่มีคุณสมบัตินี้ช่วยลดอุณหภูมิภายในห้องโดยสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    ฟิล์มที่มีเทคโนโลยี นาโนเทคโนโลยี หรือ เซรามิก มักจะมีคุณสมบัติป้องกันความร้อนสูงกว่าฟิล์มทั่วไป
  2. การป้องกันรังสี UV (UV Protection)
    ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณสมบัติ ป้องกันรังสี UV อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยป้องกันรังสีที่มีอันตรายต่อผิวหนังและวัสดุภายในรถยนต์ โดยสามารถกรองรังสี UV ได้สูงถึง 99% หรือมากกว่า
    ฟิล์มที่ป้องกัน UV ช่วยให้ภายในรถยนต์ไม่ซีดจางหรือเสียหายจากแสงแดด และปกป้องผู้ขับขี่และผู้โดยสารจากการถูกแดดเผา
  3. ความทนทานและทนต่อสภาพอากาศ
    ฟิล์มที่ใช้เทคโนโลยี เซรามิก หรือ นาโนเทคโนโลยี จะมีความทนทานต่อสภาพอากาศร้อนและการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว ฟิล์มชนิดนี้จะไม่หลุดลอกหรือเสื่อมสภาพง่าย ๆ แม้จะสัมผัสกับความร้อนจัดจากแสงแดด
    ฟิล์มเหล่านี้ยังสามารถทนต่อฝนและความชื้นในช่วงฤดูฝนของประเทศไทยได้ดี
  4. ความโปร่งใสและทัศนวิสัยที่ดี
    ฟิล์มกรองแสงที่ดีควรมีความโปร่งใสสูง ซึ่งช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่เสียหาย ฟิล์มไม่ควรทำให้การมองเห็นในเวลากลางวันหรือกลางคืนแย่ลง
    ฟิล์มประเภท นาโนเทคโนโลยี หรือ เซรามิกฟิล์ม มีคุณสมบัติในการลดแสงสะท้อนจากภายนอกที่ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยไม่ทำให้แสงสะท้อนเกินไปหรือทำให้มืดเกินไป
  5. การลดแสงสะท้อน (Glare Reduction)
    ฟิล์มที่ดีจะช่วยลดแสงสะท้อนจากถนนหรือแสงแดดที่มาจากด้านหน้าและด้านข้าง ซึ่งเป็นการลดความเหนื่อยล้าและทำให้การขับขี่สะดวกสบายมากขึ้น
    การลดแสงสะท้อนจะช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงกลางวันที่แดดจัด หรือในตอนเย็นที่แสงสะท้อนจากรถคันอื่นๆ อาจรบกวน
  6. การติดตั้งที่ง่ายและไม่ทิ้งฟองอากาศ
    ฟิล์มกรองแสงที่ดีจะติดตั้งได้ง่ายและไม่ทิ้งฟองอากาศหรือรอยขีดข่วนหลังการติดตั้ง
    ฟิล์มชนิดนี้ควรมีความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้สามารถติดตั้งได้กับกระจกรถยนต์ที่มีรูปทรงและขนาดที่หลากหลายได้ดี
  7. การทนทานต่อการขีดข่วนและความเสียหาย
    ฟิล์มกรองแสงที่ดีควรมีคุณสมบัติในการป้องกันรอยขีดข่วนและความเสียหายจากการกระแทก ฟิล์มชนิด เซรามิก และ นาโนเทคโนโลยี มีความแข็งแรงและทนทานสูง ซึ่งช่วยให้ฟิล์มไม่เสียหายง่ายจากการทำความสะอาดหรือการใช้งานในระยะยาว
  8. การเลือกฟิล์มที่เหมาะสมกับความเข้มข้น (Tint Level)
    ฟิล์มกรองแสงมีหลายระดับความเข้มข้นที่สามารถเลือกได้ตามความต้องการและความสะดวกในการใช้งาน สำหรับในประเทศไทย ฟิล์มที่มีความเข้มข้นกลางถึงเข้มจะช่วยกรองแสงแดดได้ดี และเหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนจัด
    ควรเลือกความเข้มข้นที่ไม่ทำให้การมองเห็นในเวลากลางคืนหรือขับขี่ในที่มืดเสียหาย
    9.ระดับราคาที่ควรจ่ายคือ
  • แบรนด์ดัง ควรใช้ที่ 6-8000 บาท รอบคัน
  • แบรนด์ รองๆ ควรติด( รอบคัน) ที่ราว 4-6000 บาท
    พวก ที่ต่ำกว่า 3000 บาท จะไม่ทัน เบลอ อายุใช้ไม่ถึง 3 ปี
    พวกที่แพงเวอร์จัดเกิน1หมื่น ก็ไม่จำเป็น เพราะไม่แตกต่างกันกับราคา 4-8000 บาท แต่ทำการตลาด ให้ดูเวอร์ เหนือกว่าใครแต่ไม่มีอะไร